magnum cafe

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556




ร้านน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ แต่ชื่อเสียงนั้นไม่น้องใหม่เลย นั้นก็คือ 

"MAGNUM CAFE"

เปิดให้บริการที่ชั้น 1 ของห้าง siam center

ขอเตือนสไว้นสิดนึงว่าต้องรอคิวนานมากกกกกก หากใครตั้งใจจะไปกินร้านนี้เเนะนำให้เดินไปจองคิวไว้ก่อน แล้วเดินสไปรับประทานข้าวระหว่างรอนะจ่ะ ไม่งั้นเบื่อเเย่เลย

ร้านจะมีสองส่วน คือส่วนของร้านที่เป็นโต๊ะนั่งทานแบบสั่ง ซึ่งสามารถสั่งพวกอาหารเซ็ตได้ กับโซนสำหรับกินแบบ Take Home (หรือกินลักษณะ MAKE MY MAGNUM) 

หากไม่อยากรอคิวก็เชิญสั่งแบบ take home กลับบ้านได้เลย สั่งปุ๊บทำให้ปั๊บเลยจ้า

แต่ไหน ๆ ก็มาถึงร้านทั้งที ก็ขอนั่งดูดซึมบรรยากาศภายในร้านหน่อยแล้วกันค่ะ



แหม ๆ บรรยากาศภายในร้านหรูหราไฮโซแบบนี้ ไม่นั่งไม่ได้เเล้วหละค่ะ ไม่เเปลกใจว่าทำไมคนถึงรอคิวกันยาวเหยียดขนาดนี้

ก็มันคุ้มและก็คุ้มค่าที่รอแบบนี้นี่เอง



วันนี้ขอสั่งเมนูที่มีชื่อว่า Green Tea Stogie เป็น ไอศครีม ที่มาพร้อมบราวนี่ เนื้อหนึบ ๆ เข้มข้น ตอนเสิร์ฟขอบอกว่า อลัง มาก ๆ นะคับ มีโดมแก้วครอบมา เพราะตอนมาเสิร์ฟเค้าจะจุด ไม้ฮิคกอรี่ คล้าย ๆ รมควันให้มีกลิ่นหอม ๆ มาด้วย 


อยากให้เพื่อน ๆ มาลิ้มลองความอร่อยพร้อมดื่มด่ำบรรยากาศกันที่ MAGNUM CAFE กันดูนะค่ะ


เผ่งอิ้ว

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556


เผ่งอิ้ว ร้านกาแฟสไตล์โบราณ
เหตุเกิดจากเห็นเพื่อนโพสรูปใรอินตาเเกรม พอเห็นปุ๊ปก็ทำให้ต่อมความอยากมันกระตุกขึ้นสมาทันที ไม่ปล่อยให้ทิ้งความอยากให้นาน วันรุ้งขึ้สนก็โทรชวนเพื่อนไปทานกันเลย
ร้านเผ่งอิ้วตั้งอยู่ที่โครงการ Piman 49 ตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ในซอยสุขุมวิท 49 ก็จะเจอเลย อยู่ตรงข้าม stabucks เดินเข้ามาในร้านจะเป็นบรรยากาศเเบบไทยย้อนยุค ให้ความสะดวกสบายกับคนที่ชอบรับประทานปาท่องโก๋หน้าปากซอยบ้าน 


ร้านนี้ขายall day breakfast มีทั้งไข่กระทะแบบไทย ติ่มซำแบบจีน ไส้กรอก แฮม ไข่ดาวแบบอเมริกัน หรือจะเป็นปาท่องโก๋ก็มีครบ เหมาะกับคนตื่นสายแต่อยากกินอาหารเช้าแบบเรา ๆ นี้เเหละ
อาหารเเนะนำก็จะมี ไข่กระทะ ปาท่องโก๋ ขนมปังเนสยน้ำตาล ทานคู่กับโอวัสนตินภูเขาไปนะจ่ะ

แต่ขออนุญาติบรรยายถึงความอร่อยของปาท่องโก๋เป็นพิเศษหน่อยละกันนะ ปาท่องโก๋ของร้านนี้จะกรอบนอกนุ่มใน ไม่มัน และเนื้อแน่นมาก ขนาดนั่งถ่ายรูปตั้งนานก็ยังกรอบอยู่เลย และด้วยความที่ไม่มัน เลยคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับสาวๆมาก (ไม่ค่อยอ้วน แต่ก็อ้วนอยู่ดี) สมแล้วที่เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน อีกทั้งสามารถทานกับสังขยาใบเตยได้ด้วย สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบทานนมข้นค่ะ

อยากให้เพื่อนลองไปลองกันดูนะจ่ะ เเนะนำ อิอิ

9ร้านต้อนรับวาเลนไทน์

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ใกล้เดือนกุมภาเข้ามาทุกที วันนี้จรัสก็เลยอยากจะมาแนะนำร้านอาหารเด็ด บรรยากาศดี ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้มีไอเดียไว้ไปสวีตกับคนรัก สวีตกับครอบครัว
วันวาเลนไทน์ 2556 ที่จะถึงนี้ เพื่อน ๆ มีแพลนที่จะไปไหนกันรึยัง หากยัง ลองดูสถานที่ที่เรากำลังจะเเนะนำเหล่านสี้ รับรองว่าท่านจะประทับใจและได้ดื่มด่ำบรรยากาศในวันเเห่งความรักอย่างเต็มที่


 ขออนุญาตหยิบร้านอาหารยอดฮิตติดอับดับ มา 9 ร้านนะค่ะ
ซึ่ง 9 ร้านนี้ยังได้รับการยอมรับจาก เว็บไซต์ชื่อดัง ซีเอ็นเอ็นโก อีกด้วย

เรามาเริ่มกันที่ อันดับ 9 กันก่อนเลยดีกว่า นั้นก็คือร้าน Aldo’s
ตั้งอยู่ที่ The Ascott Sathorn Bangkok Aldo’s เป็นร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีบรรยากาศดีทีเดียว ภายในตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 โซนคือ indoor และ outdoor ที่ติดสระน้ำหากมาใช้บริการส่วนของ outdoor ช่วงกลางคืนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมียุงมารบกวน เพราะที่นี่มีลมพัดเย็นสบาย รับรองว่าไม่มียุงมากวนใจแน่นอน แต่หากอยากจะนั่งเพลิน ๆ ในส่วนของ indoor บรรยากาศภายในร้านก็ดีไม่แพ้กันค่ะ
เมนูแนะนำ : Coq Au Vin, Grilled Mediterranean Sea Bass Fillet, The Riviera Wellness Salad, Tuna Carpaccio

มาสู่อันดับที่ 8 คือ ร้าน Blue Velvet ตั้งอยู่ที่ ซอยทองหล่อ 5 ถนนสุขุมวิท




Blue Velvet ตั้งอยู่ในย่านทองหล่อ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแหล่งรวมอาหารอร่อย ภายในร้านมีการตกแต่งอย่างดีแถมยังเก๋ตรงที่เป็นตกแต่งร้านเลียนแบบปราสาทเก่าในยุโรป เรียกได้ว่าบรรยากาศดีทีเดียว สามารถมาสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูงได้เต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันถ้าอยากจะพาคนรักมานั่งกุมมือจิบค็อกเทลรสชาติดีก็ได้เช่นกัน สำหรับอาหารของที่นั้นส่วนใหญ่เป็นอาหารฟิวชั่น ที่วัตถุดิบคัดสรรมาอย่างดีเช่นกัน
เมนูแนะนำ : Curry Rice, Mexican Pizza , Passionate , Spaghetti With Tobiko

อันดับ 7 คือร้าน The Lake House
ตั้งอยู่ ซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมมิตร) ถนนสุขุมวิท
ร้าน The Lake House ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีบรรยากาศดี เพราะการตกแต่งร้านของที่นี่เน้นบรรยากาศแบบบ้านสวนที่มีต้นไม้ร่มรื่น จนหลายคนแทบจะไม่เชื่อว่าใจกลางเมืองเช่นนี้ยังมีร้านอาหารบรรยากาศบ้านสวนแทรกตัวอยู่ด้วย สำหรับที่นี่นั้นเน้นขายไวน์เป็นหลัก แต่เมนูอาหารเองก็รสชาติดีไม่แพ้กัน
เมนูแนะนำ : Chicken Breast With White Wine Sauce,Beef Steak with Cheese Sauce,Spaghetti Carbonara



อันดับ 6 The Deck
ตั้งอยู่ Arun Residence ซอยประตูนกยูง ถนนมหาราช
ว่ากันว่าการได้รับประทานอาหารบรรยากาศดี ๆ นั้นช่วยให้อาหารอร่อยมากขึ้น แต่ถ้าคุณมีโอกาสได้นั่งรับประทานอาหารท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงพร้อม ๆ กับมีวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นฉากหลัง คุณว่ามื้อนั้นจะไม่ยิ่งพิเศาขึ้นไปอีกหรือ ? ที่ The Deck นอกจากบรรยากาศจะดีเลิศแล้วอาหารอิตาเลี่ยนและอาหารฝรั่งเศสของที่นี่ก็ไดรับการพูดถึงเป็นอย่างมาก
เมนูแนะนำ : The Deck Style Sandwich French Bread,Egg Fettuccine Cabonara,Spinach with Cheese and Thai Escargot,Deep fried Crab with garlic,Mojito no Rum



ขอบคุณรูปประกอบ : Asplera* – #^_^# นู๋อายยย @ Pantip

อันดับ 5 Spring & Summer
ที่ตั้ง : ซอยสุขุมวิท 49/11 ถนนสุขุมวิท
ร้าน Spring & Summer เป็นร้านอาหารชื่อดังของอดีตพระเอกหนุ่มพล ตัณฑสเถียร ที่ผันมาเปิดร้านอาหาร ที่นี่แบ่งออกเป็น 2 โซนคือ indoor และ outdoor ที่เป็นสนามหญ้า มีโฟซาที่เหมือนถุงถั่วขนาดยักษ์แต่นั่งสบายในบรรยากาศชิล ๆ และแน่นอนถ้ามาที่นี่ห้ามพลาดของหวานตบท้ายเด็ดขาด
เมนูแนะนำ : Avocada-Crab-Ebiko Salad, Filipino Lumpia Nachos, Grilled Spring Masala Chicken Sauce,Cup – C


ขอบคุณรูปประกอบ : sweetybunny.com

อันดับ 4 The Nest
ที่ตั้ง : Le Fenix Sukhumvit ซอยสุขุมวิท 11
ถ้าวาเลนไทน์นี้คุณกำลังมองหาร้านอาหารน่านั่ง พร้อมบาร์เก๋ ๆ ล่ะก็ 88DB.com ขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ เพราะThe Nest อยู่ชั้นบนสุด ทำให้เห็นวิวของกรุงเทพได้ทั่ว ไหนจะอาหารทั้งไทยและตะวันตกรสชาติดีที่เสิร์ฟพร้อมค็อกเทลเก๋ ๆ เคล้าเสียงเพลงสไตล์บอสซาโนวา รับรองวาเลนไทน์นี้คุณและคนรักต้องประทับใจแน่ ๆ
เมนูแนะนำ : ปีกไก่ทอดกับซอสบลูชีส,กุ้งห่อตะไคร้,สลัดฟักทองกับกะหล่ำราดิชิโอ


ขอบคุณรูปประกอบ : Jenny 1.7 YR @ Pantip

อันดับ 3 Al Majlis
ที่ตั้ง : ซอยเอกมัย 12 ถนนสุขุมวิท
Al Majlis เป็นร้านอาหารโมร็อกกัน ซึ่งสอดคล้องกับการตกแต่งร้านที่ได้กลิ่นอายโมร็อกโคมาก ๆ ที่นี่จะเปิดให้บริการช่วงบ่ายๆ พอดีกับเมนู Afternoon Tea ที่เลื่องชื่อ สำหรับดินเนอร์มื้อเย็น คุณสามารถเลือกได้ว่าอยากจะนั่งทานอาหารเก๋ ๆ ในตัวร้านหรือว่าอยากจะนั่งชิล ๆ ด้านนอกร้านก็ได้
เมนูแนะนำ : Chicken Stew, Chocolate Pudding, Hot Basil Shrimp, Steak




อันดับ 2 Rang Mahal
ที่ตั้ง : The Rembrandt Hotel ซอยสุขุมวิท 18
ร้าน Rang Mahal เป็นร้านอาหารอินเดียที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ที่นี่นอกจากการตกแต่งร้านจะให้กลิ่นอายความเป็นอินเดียแล้ว อาหารของที่นี่ก็ยังเป็นอาหารอินเดียแท้ ๆ ที่น่ารับประทานมาก ๆ ซึ่งในระหว่างที่คุณกำลังทานอาหารเลิศรสอยู่นั้นก็จะมีวงดนตรีบรรเลงเพลงสไตล์อินเดียขับกล่อมให้อาหารมื้อนั้นของคุณยิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีก และที่เด็ดกว่านั้นคือเมนูของหวานตบท้ายอย่างไอศครีมเคลือบช็อคโกแลตนั้นทางร้านก็มีบริการให้ฟรีด้วยค่ะ
เมนูแนะนำ : Hydera Badi Biryani, Mutton Vindaloo, Raan – E-Khyber, Reshmi Kebab, Tandoori Murgh, Tandoori Prawns



ขอบคุณรูปประกอบ : th.openrice.com

อันดับ 1 Vertigo
ที่ตั้ง : Banyan Tree Bangkok ถนนสาทรใต้
Vertigo ถือเป็นร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าที่ได้รับการยกย่องว่ามีบรรยากาศโรแมนติคที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นี่นอกจากคุณจะเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ 360 องศาของกรุงเทพแล้ว สเต็คและอาหารทะเลเผา เสิร์ฟพร้อมแชมเปญระดับพรีเมี่ยมก็จะยิ่งทำให้ดินเนอร์มื้อนี้ของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ขอกระซิบอีกนิดว่าใครที่คิดอยากจะขอสาวในฝันแต่งงานล่ะมาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง เพราะบรรยากาศเป็นใจจริง ๆ ค่ะ
เมนูแนะนำ : Capsicum and Broiled Lobster, Chinese Spinach , Lemongrass Beurre Blanc, Marinated Tuna Tartar with Salmon Roe, Rosemary Scented Over Roasted Rack of Lamb, Tabouleh


ก๋วยเตี๋ยวเรือ

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อย ๆ มีอยู่หลากหลายที่มากใน กทม. แต่ขอแนะนำที่นี้ รับรองได้ว่าอร่อยไม่แพ้เจ้าอื่นเป็นอย่างเเน่นอนนะค่ะ

นั้นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ นั้นเอง
ความโด่งดังเเพร่หลาย บางท่านอาจรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ถึงบางท่านที่ยัง ก๋วยเตี๋ยวโกฮับ นี้มีหลายสาขามากมายให้ท่านได้รับประทาน ลิ้มลองรสชาติอันแสนอร่อย น้ำซุปสูตรเด็ด เข็ดอร่อยอย่าบอกใคร
วันนี้เนื่องจากเราไปกินคนเดียว ก็ขออนุญาติเเนะนำอาหารฉามเดียวนะค่ะ
จานนี้มีชื่อเรียกว่า เส้นเล็กหมูทุกอย่าง น้ำซุปเข้าข้นกลมกล่มเข้ากับเครื่องได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ ลูกชิ้นที่ถูกผสมด้วยสูตรพิเศษของทางร้าน ทำให้ก๋วยเตี๋ยวเรือจานนี้อร่อยมากเเบบเรียกได้ว่า เเซบอีหลี
อยากให้เพื่อน ๆ ลองไปทานกันดูนะค่ะ ก๋วยเตี๋ยวโกฮับ รับรองแล้วจะไม่ผิดหวังค่ะ

Mini Bar

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

MINI BAR ROYALE
วันนี้เราได้มีโอกาศไปรับประทานอาหารเช้ากับเพื่อนที่ร้านอาหารย่านสุขุมวิท รู้สึกประทับใจในทุก ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร พนักงาสนต้อนรับ หรือบรรยากาศ ขอบอกว่าทุกอย่างได้คะเเนนเต็ม 10 ไม่มีที่ติแต่อย่างใด จรัสเลนสอยากจะมาเเนะนำร้านอาหารดี ๆ เเห่งนี้ให้เพื่อน ๆ ได้ไปลอกชิมลองทานกันดูนะค่ะ
งั้นขออนุญาติเริ่มจากที่มาของร้านก่อนนะค่ะ ร้านนี้มีต้นกำเนิดมาจาด 11 เพื่อนชี้ที่เคยใช้ชีวิตเรียนอยู่ด้วยกันที่ newyork เมื่อครั้นกลับมาเมืองไทยพวกเขาก็นึกหวนถึงวันวานในบรรยากาศเก่า ๆ จึงได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อเปิดร้านอาหารร้านนี้ในชื่อว่า "MINIBAR ROYALE" ร้านเล็ก ๆ สไตล์เฟรนช์ - อเมริกัน ที่ทำให้ทุกคนนึกถึงบรรยากาศสนุกในวันเก่าๆ แล้วเราก็ได้อร่อยกับอาหารในกลิ่นอายปารีส/นิวยอร์ก อย่าง Brunch Menu มื้อสาย ซึ่งได้รับการปรับสูตรให้ถูกปากคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ไม่ว่าปารีเชียง, นิวยอร์กเกอร์ หรือไทยแลนเดอร์ ก็จะ enjoy กับอาหารที่นี่เเน่นอน
ร้านMinibar Royaleตั้งอยู่ที่โรงเเรมชื่อ Citadines Bangkok สุขุมวิท 23 เมื่อเข้ามาในร้านจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณได้เดินทางข้ามทวีปด้วยกลิ่นอายอันอบอวลของ French Cafe ประตูกระจกลายโค้งยาวแบบ French Doors เสริมด้วยกรอบบานไม้สีเขียวเข้ม เข้ากันกับโต๊ะไม้สีโอ๊ค และเก้าอี้บุผ้ากำมะหยี่สีแดงมารูนและเทา เสริมลูกเล่นในแบบร่วมสมัยด้วยลวดลายโค้งแบบคลาสสิกบนพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสค สะดุดตากับ Zing Bar บาร์เต็มรูปแบบราวกับยกมาจากผับชื่อดังในแถบยุโรป ชุดโซฟากำมะหยี่เสริมบรรยากาศสบายๆคล้ายอยู่บ้าน หากต้องการความเป็นส่วนตัวในหมู่เพื่อนสนิท บานประตูแก้วสามารถเลื่อนปิดกั้นใจกลางร้านให้กลายมาเป็นห้องพิเศษของคุณ โดยเฉพาะ หรือเลือกนั่งจิบไวน์ หรือ Bubbles ด้านนอกแบบเพลินๆ กับบรรยากาศเอาดอร์สบายๆ ต้นไม้ที่เรียงรายอยู่ด้านหนึ่งอาจทำให้ คุณเผลอนึกไปว่ากำลังทำเก๋อยู่ตาม Sidewalk Cafe ในปารีส! 

คุณสามารถจะเลือกนั่งด้านในที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือจะนั่งด้านนอกรับลมเมืองก็ได้ เมื่อเลือกที่นั่งเรียบร้อยเเล้วพนักงานก็จะเดินมาพร้อมกับเมนู 3 เล่ม ขอบอกว่าเลือกนานมาก เพราะเมนูเขาหลากหลาย มีให้เลือกเยอะมาก และเเต่ละอย่างกูดูน่ากินไปหมดเลย เอะหรือว่าเราหิวกันเเน่นะ :P




ไม่รีรอ ขอเริ่มเเนะนำอาหารเเต่ละจานเลยดีกว่าว่าเราสั่งอะไรมาบ้าง จะได้เป็สนตัวอย่างเพื่อเพื่อน ๆ คนไหนอยากจะไปทาน

จานเเรกของเราคือ Clam Chower Soup with Crouton ซุปเข้มข้นมาก่อน นี่แค่ starter เท่านั้น

จานที่สองค่ะ Seafood Goddess Mini Seafood

เป็นเบอร์เกอร์ในกลิ่นอายของอเมริกันสไตล์ แต่ให้เป็นไซส์มินิเบอร์เกอร์สำหรับคุณผู้หญิงที่กินน้อย ๆ จะได้เหลือพื้นที่ในกระเพาะให้กินอย่างอื่นได้อีก ของอร่อยอยู่ตรงไส้ที่ซ่อนอยู่ใต้ขนมปังชิ้นเล็ก ซึ่งผสมจากกุ้ง หอยเชลล์ ปลาหมึกสด ที่สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ เคล้ากับชีสก่อนจะนำมาปั้นเป็นก้อนนำไปอบให้สุก กัดลงไปแล้วจะได้กลิ่นหอมของเนื้อกุ้ง ปลาหมึกและหอยเชลล์ เหมาะสำหรับคนไม่กินเนื้อที่แนะนำให้ลองกินเมนูนี้ที่อร่อยจนคนกินเนื้ออาจจะเปลี่ยนใจก็ได้


จานที่ 3 คือ สปาเก็ตตีกุ้งลายเสือ
 

แค่ยกจานนี้ออกมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมก็เรียกให้ต่อมน้ำลายทำงานทันที หน้าตาดูแล้วละม้ายคล้ายอาหารไทย ใช้เส้นสปาเก็ตตีนำมาผัดกับมันกุ้ง พริกแห้ง หอม กระเทียม ไวน์ขาว แต่งหน้าด้วยกุ้งลายเสือที่อบสุกแค่นั้นยังไม่พอ ต้องโรยไข่กุ้งเข้าไปอีกให้มันสะใจไปเลย

จานที่ 4 คือ พิซซ่าตอติลญ่าหน้าไส้กรอกสเปนรสจัด


ตั้งชื่อเมนูนี้ว่า “พิซซ่า” แต่คนคิดเมนูไม่อยากให้คนกินแป้งเยอะเพราะเดี๋ยวจะอ้วน เลยนำตอติลญ่าซึ่งเป็นแป้งบาง ๆ ของเม็กซิกันที่ใช้ห่อไส้ต่าง ๆ นำแทนแป้งพิซซ่า ซึ่งก็เป็นไอเดียดี เพราะแผ่นแป้งจะบางกรอบมาก ๆ ใส่หน้าด้วยไส้กรอกสเปนขูดชีสเข้าไปเยอะ ๆ นำไปอบสัก 8 - 10 นาที แนะนำให้รีบกินตอนร้อน ๆ ได้ลิ้มลองตอนแป้งกำลังกรอบอยู่นะจ่ะ


จานสุดท้ายของเรา คือ 
Eggs Benedict จานนี้เด็ดตรงที่ไข่เเเดงเยิ้ม ๆ คลุกเคล้าไปกับเนื้อเเซลมอน กลมกล่อมไปกับรสชาดขนมปังกรอบนิดตัดความเลื่อนหน่อย ใครไม่ลองจานนี้ขอบอกว่าพลาดนะค่ะ






ขออนุญาตจบเรื่องกับของคาวเพียงเท่านี้ก่อนที่ท้องจะระเบิด เรามาต่อกันที่ของหวานกันเลยดีกว่า ที่นี่เขาก็มีให้เลือกเยอะเเยะ แต่ขอเลือกจากความชอบส่วนตัวละกันนะ จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก red velvet ของที่นี่เขาจะเน้นครีม สังเกตได้จากราดมาทั้งหมด 4 ชั้น อร่อย ถึงน้ำถึงเนื้อ 


ได้ซึมซับบรรยากาศสุดชิลล์อย่างเต็มอิ่ม อร่อยกับหลากหลายเมนู ขอบอกได้เลยว่าจะมากับเเฟนสวีตหวาน หรือมากับเพื่อนสาวสุดเลิฟ รับรองได้ว่าที่นี่จะทำให้คุณได้ตักตวงช่วงเวลาอันแสนสุขและประทับใจกลับไปด้วยอย่างแน่นอนค่ะ ลองมาทานกันนะค่ะ

ที่อยู่ : 37/7 ซอยสุขุมวิท 23 อาคาร ซีทาดีนซ์บางกอกอพาร์ทโฮเทล สุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

เบอร์โทรศัพท์ : 022615533 , 022044777

เบอร์แฟกซ์ : 022044799

อีเมล์ : enquiry.thailand@citadines.com

เว็บไซต์ : www.minibarroyale.com

วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น.

การเดินทาง : จากถนนสุขุมวิท ตรงไปทางซอยสุขุมวิท 23 ซีทาดีนซ์บางกอกอพาร์ทโฮเทล อยู่ทางด้านซ้ายมือ ถัดจากโรงแรมไทปันกรุงเทพฯ และโรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียมสุขุมวิท ส่วนห้องอาหารมินิบาร์รอเยล อยู่บริเวณชั้น 1 ของซีทาดีนซ์บางกอกอพาร์ทโฮเทล




เมนูสุขภาพ รับปี 2556

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

เมนูสุขภาพต้อนรับปีใหม่

 อ้างอิงข้อมูลจาก มติชน ออนไลน์ วันที่ 28 ธันวาคม 2555


ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ โดยศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ แนะนำ 10 เมนูสุขภาพ รับปี 2556 สไตล์อายุรวัฒ
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่า ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข หลายคนอาจหลงลืมเรื่องอาหารการกิน จนเป็นผลเสียต่อสุขภาพดี จึงขอแนะนำอาหารต้านชราใน 10 เมนู
เริ่มจาก เมนูเเรก นั้นก็คือ 
     1. ส้มตำไก่ย่าง 
  ที่สุดของอาหารต้านชรา เพราะมีสุดยอดวิตามินอย่าง "มะเขือเทศ" ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและเต้านม "มะละกอ" ช่วยล้างพิษให้ลำไส้ ในมะละกอยังมีน้ำย่อย "ปาเปน" ช่วยล้างลำไส้ให้ปลอดคราบโปรตีนเกาะ "ไก่ย่าง" ช่วยให้ไม่ขาดโปรตีน

     2. แกงเขียวหวานไก่ 
  น้ำแกงเขียวหวานเป็นอาหารทิพย์อุดมวิตามิน น้ำแกงมีทั้งวิตามินเอ,ดี,อี และเค ที่ละลายอยู่ในกะทิ เนื้อไก่มีวิตามินบีบำรุงสมอง พริกในเครื่องแกงมี "กรดแคปไซซิน" กับ "เบต้าแคโรทีน" บำรุงสายตา

3. เมี่ยงปลาทู 
  ได้ทั้ง "ซัลโฟราเฟน" เป็นกลุ่มสารต้านมะเร็งจากใบคะน้าห่อเมี่ยงใส่ "มะเขือเทศราชินี" หั่นเสี้ยวจะช่วยให้ผิวพรรณสวยเนื้อปลาทูมีทั้งกรดไขมันดี และ "แอสตาแซนทิน" 

4. ผัดไทย มี"ถั่วงอก"อาหารมงคล ซึ่งมี "วิตามินซี" ถั่วและเต้าหู้อุดมด้วยวิตามินอี,แคลเซียม และสาร "พฤกษฮอร์โมน" ที่เป็นไฟโตเอสโตรเจนป้องกันมะเร็งและลดไขมัน แต่อย่าหนักเส้น 

     
5. ข้าวหอมนิล มีสาร "พฤกษเคมี" มีพลังมากกว่าวิตามินอีกับซีรวมกัน ข้าวหอม 

6. ข้าวตอกน้ำกะทิ ในข้าวตอกเองมี "เส้นใย" ช่วยในเรื่องไขมันและน้ำตาลได้ ส่วนวิตามินเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์    

7. ข้าวต้มมัดหรือข้าวเหนียวปิ้งใส่ไส้ ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ ในกล้วยยังมีเส้นใยกับสารกลุ่มฟีนอลชื่อ "กรดเอลลาจิก" ช่วยต้านมะเร็งและเนื้องอกได้ 
 8. ข้าวเหนียวดำน้ำกะทิ มีธัญพืชเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ชั้นสูง ช่วยขัดล้างหลอดอาหารไปถึงลำไส้ใหญ่ ส่วนตัวข้าวเหนียวดำมี "วิตามินอี" และ "ธาตุเหล็ก" สูง รวมถึง "ธาตุม่วงต้านร่วงโรย (OPCs)" 
9. ข้าวโพดม่วง 
มีวิตามินบำรุงตา "ลูทีน" กับ "ซีแซนทิน"

10.น้ำสมุนไพร เช่น น้ำอัญชัน, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำย่านาง, น้ำใบบัวบก ฯลฯ ช่วยปกป้องผิวและบำรุงตับ ให้วิตามินซีและเอช่วยบำรุงไต มี "คลอโรฟิลล์" และ "กลูต้าไทโอน" ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ 


ที่มา  : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356686824&grpid=03&catid=03

ปลาดิบ

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่กำลังเป็นที่นิยมในทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัยในตอนนี้ หลายคนคงจะกำลังคิดว่าต้องเป็นแถวย่านทองหล่อ สุขุมวิท เอกมัยแน่นอนเลย แต่ขอบอกว่าวันนี้ ที่จรัสจะพาไป ไม่ได้อยู่แถวย่านนั้นเลยค่ะ สำหรับคนที่เบื่อรถติด เบื่อสถานที่ที่แออัดไปด้วยผู้คน จรัสขอแนะนำย่านน้องใหม่ ที่รับรองได้ว่ามีบรรยากาศไม่แพ้แถวย่านแสงสีในเมืองแน่นอน ร้านสบาย ๆ สไตล์ผับผับแอนด์เรสเตอร์รอง ที่เอาไว้แฮงเอาท์กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก นั้นก็คือร้าน ปลาดิบ (PLADIP) นั้นเอง
ปลาดิบ ร้านอาหารในซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์มาด้วยการตบแต่งร้านในคอนเซ็ปต์สไตล์ Minimalism คือเป็นสไตล์ที่ดูเรียบง่าย เอาความเป็นญี่ปุ่นมาผสมผสานด้วยนิดหน่อย ภายในโชว์โครงสร้างเพดานเปลือย และผนังปูนที่เน้นถึงความดิบ ใช้เฟอร์นิเจอร์งานไม้ดีไซน์เรียบแต่เก๋ อีกทั้งดูสะดุดตากับโต๊ะยาวตกแต่งด้วยไม้ประดับที่ตั้งอยู่ตรงกลาง


อีกทั้งทางร้านยังมีแกลเลอรี ที่จัดแสดงโชว์งานของศิลปินหน้าใหม่ที่ชั้น 2 เป็นการเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถของศิลปิน และเป็นที่สร้างแรงบนดาลใจให้กับผู้มาเยี่ยมมาชมมาศิลปะนั้น ๆ                                                   อีกด้วย ใครคิดว่าฝีมือเด็ด ๆ ก็ลองคุยกับเจ้าของร้านได้นะคะ

ร้านปลาดิบจะแบ่งที่นั่งออกเป็น 3 โซน ด้วนกัน โซนที่หนึ่งจะเป็นร้านด้านใน (ห้องแอร์) โซนที่สองจะเป็นด้านนอกร้านกลางแจ้ง และโซนที่สามจะเป็นด้านนอกร้านเหมือนกันแต่อยู่ในร่ม ขอเตือนทุกท่านว่าควรโทรมาจองก่อนนะค่ะ เนื่องจากจำนวนโต๊ะมีจำกัดจะได้ไม่เป็นการเสียเวลาค่ะ การจองขอที่นี่ จะไม่สามารถโทรจองได้ภายในวันเดียว หมายถึงต้องโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อยก่อน 1 วันนะค่ะ ที่ร้านเขามาบอกว่า ไม่สามารถจองภายในวันนั้นได้ อย่างเช่น จะไปตอนเย็น โทรจองตอนเที่ยง สาเหตุเดาว่าคงเป็นเพราะโต๊ะน่าจะเต็มเร็วค่ะ  
เลือกมุมสบายนั่งพักเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่เราจะได้ลิ้มลองอาหารจานแนะนำของที่นี่กันแล้ว เริ่มต้นด้วยจานโปรดของจรัสก่อนเลยนั้นก็คือ พิซซ่า ค่ะ เนื่องจากแป้งพิชซ่าที่มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่ได้ทั้งความอร่อย กรอบ นุ่ม พอดี ถูกใจ 


อันนี้เป็นพิซซ่าหน้าแซลมอนรมควัน


หน้าตาก็น่ากิน เนื้อมาเต็มอย่างที่เห็น ราคาของพิซซ่าที่นี่จะขึ้นกับ Topping เลือกได้ตามใจชอบ 

จานที่สองเป็นแซลมอนน้ำลาบ 

มีแซลม่อน 6 ชิ้นค่ะ หั่นมาบางๆ แล้วก็ปรุงแบบลาบแซลมอนสด ๆ เนื้อมัน ๆ ราดด้วย น้ำปรุงแบบ ลาบ อีสานนี่แหละ 

อร่อย มาก เข้ากันได้แบบไม่น่าเชื่อ 


จานที่สาม คือ เทมปุระโรล
กุ้งมาทั้งตัว ขอเน้นคำว่าทั้งตัว แม้กระทั่งหางยังมาด้วย 

จานที่สี่ คือ ยำทะเลดิบ
ขอบอกว่าอร่อยมากค่ะ ชอบที่สุด  แซลม่อน ปลาทูน่า กุ้ง และปลาหมึกยักษ์ ถูกเสริฟมาในจานยาว ๆ สีดำ ซึ่งได้ถูกหั่นอย่างพิถีพิถันออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ เป็นรูป สี่เหลี่ยมลูกเต๋า ปรุงรสด้วยน้ำยำคลุกเคล้าให้เข้ากับเนื้อ  รสชาติเข้มข้นค่ะ เหมือนเป็นอาหาร Fusion ที่อร่อยมากอีกจานเลย

จานสุดท้ายขออนุญาติเเนะนำ สลัด กินแล้วได้สุขภาพ ให้อาหารมื้อนี้ให้คุณค่าครบ 5 หมู่ เรียกได้ว่า อร่อยแล้วยังขอได้ประโยชน์ด้วย


สุดท้ายนี้เรามีวีดีโอ แนะนำร้าน ปลาดิบ จากรายการ EDT GUIDE
มาฝากให้เห็นภาพร้านกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะค่ะ

ที่อยู่ : 1/1 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

เบอร์โทรศัพท์ : 022798185

เว็บไซต์ : http://www.facebook.com/pladib.restaurant 
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดอาทิตย์ - เสาร์ เวลา 17.00 - 01.00 น. 
                                           หยุดจันทร์
การเดินทาง : จากถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าซอยพหลโยธิน 5 ตรงไปจนถึงทางแยกให้เลี้ยวซ้าย แล้วตรงไปเข้าถนนอารีย์สัมพันธ์ จนถึงซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 จะเห็นร้านปลาดิบตั้งอยู่บริเวณปากซอย ตรงข้ามกระทรวงการคลัง